แอบย่องไปวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่งต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง มาดูกัน !

การวิเคราะห์คู่แข่งทำได้ไม่ยากเลยครับ เพียงเปรียบเทียบ SEO เว็บไซต์จากเครื่องมือที่ผมจะมาแนะนำให้ แน่นอนว่าเป็นเครื่องมือที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีประสิทธิภาพ ลองไปดูก่อนก่อนเลยครับ

1. เตรียมเครื่องมือ SEO

เครื่องมือวิเคราะห์ SEO หลัก ๆ ที่ผมอยากแนะนำ จะเป็น Extension ฟรีที่อยู่บน Chrome ซึ่งมีอยู่ 3 ตัวหลัก ได้แก่ 

ALEXA TRAFFIC RANK จุดเด่น คือ 

• สามารถเช็คอันดับ Ranking เว็บไซต์ของเรา
• ดู Bounce Rate, Daily Pageviews per Visitor และ Daily Time on Site ภาพรวมได้
• ดู keyword ที่มีคนค้นหาเยอะ ๆ ได้
• ดูค่าเฉลี่ยความเร็วทั้งเว็บ
• ดูเว็บไซต์ที่ใกล้เคียงกันกับธุรกิจของเราได้

MOZBAR จุดเด่น คือ 

• เช็คโครงสร้างเนื้อหา ดูพวก Page Title, Meta Description
• เช็คจำนวนของ H1, H2, Alt text ในแต่ละหน้าเว็บดูความเร็วการเปิดหน้าเว็บ
• ดูค่า PA DA
• เช็คจำนวน Lnternal link และ External

LIGHTHOUSE จุดเด่น คือ 

• สามารถวิเคราะห์คะแนน page score
• ดูสิ่งที่ต้องปรับปรุง เกี่ยวกับการปรับความเร็วเว็บไซต์ได้

ขั้นตอนการติดตั้ง Extension

ให้ไปที่ chrome.google.com/webstore/category/extensions แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้เลยครับ 

1. พิมพ์ชื่อ ส่วยขยาย (extension) ลงไป 
2. จากนั้นให้คลิก เพิ่มใน Chrome
3. คลิกขวาที่สัญลักษณ์ Lighthouse ที่เมนู Bar
4. คลิก อนุญาตให้ใช้โหมไม่ระบุตัวตน
5. หลังจากติดตั้งเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์เสร็จแล้ว เราจะมาเริ่มต้นวิเคราะห์เว็บคู่แข่งกันครับ

2. การเช็คค่าน้ำหนักตัวเว็บ

การทำ SEO แต่ละ keyword มีความยากง่ายที่แตกต่างกัน ดังนั้นนะครับ ผมจะเปรียบเทียบ การวิเคราะห์ Keyword นี้เป็นน้ำหนักให้เข้าใจง่าย ๆ นะครับ น้ำหนักตัวเว็บไซต์ = อันดับ Ranking ของแต่ละเว็บไซต์

วิเคราะห์ SEO ด้วยการเช็คน้ำหนักตัวเว็บไซต์

• เปิดเว็บคู่แข่ง จากนั้นให้คลิกตัว Alexa Traffic Rank ขึ้นมาครับ
• ตัวเลขอันดับ Traffic Rank in TH คือ ค่าน้ำหนักตัว ยิ่งตัวเลขน้อย ยิ่งมีอันดับที่ดี
• การจัดอันดับเว็บของ Alexa Traffic Rank ไม่ได้วัดที่จำนวน Traffic แต่จัดลำดับเว็บไซต์ โดยวัดจาก 3 ค่าหลัก ๆ 
• ค่า Bounce Rate คือ อัตราส่วนของคนเข้ามาเว็บไซต์เรา แล้วอยู่แค่หน้าแรก แล้วปิดไป ตรงจุดนี้ยิ่งน้อย ยิ่งดีครับ
• ค่า Daily Pageviews per Visitor คือ จำนวนหน้าที่คนเข้าเว็บไซต์เรา แล้วเปิดดูต่อไปเรื่อย ๆ จุดนี้ยิ่งเยอะยิ่งดี 
• ค่า Daily Time on site คือ ค่าเฉลี่ยของเวลาที่คนอยู่บนเว็บไซต์ของเรา ยิ่งเขาอยู่บนเว็บนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี 

ดังนั้นนะครับ เว็บไซต์ไหนที่มีค่า Ranking สูง ไม่ได้หมายความว่า เว็บไซต์นั้นมีจำนวน Traffic มาก แต่หมายความว่าเว็บไซต์นั้นมีค่า 3 เกณฑ์ด้านบนอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้ Google Bot มองว่าเว็บไซต์มีคุณภาพนั้นเองครับ 

3. ความสำคัญของอายุโดเมน

อายุของโดเมนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัย ที่ทำให้ Google เชื่อถือเว็บไซต์ของเราครับ ดังนั้น เมื่อทำเว็บไซต์ให้ SEO ได้อันดับดีพอๆ กัน เว็บไซต์ใครที่อายุมากกว่าก็จะได้เปรียบนั้นเองครับ โดยวิธีการเช็คอายุโดเมน คือ ให้ไปที่เว็บ https://website.informer.com/ 

แต่การใช้อายุของโดเมนเป็นเกณฑ์จัดอันดับ ก็ยังไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุด เพราะอายุของโดเมนไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าเว็บจะมีคุณภาพเสมอไปครับ  ซึ่งโดเมนที่มีคุณภาพในสายตา Google ให้ดูที่การแสดง Sitelink ครับ

4. Mobile friendly

Mobile Friendly หมายถึง เว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและสะดวกสบายบนมือถือครับ  วิธีการเช็ค Mobile friendly ของเว็บไซต์ ให้ไปที่ https://search.google.com/test/mobile-friendly ครับ

5. ดู Traffic คนเข้าเว็บ

ผมแนะนำให้ใช้เครื่องมือ คือ Ubersuggest ซึ่ง Ubersuggest คือ เว็บที่ไว้ใช้สำหรับวิเคราะห์คำ Keyword ต่างๆ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวคิวในการผลิต Content และนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับมาวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด วิธีการใช้งาน ไปที่ https://neilpatel.com/ubersuggest/

6. Website Speed

การทำ SEO ให้ดีกว่าเว็บคู่แข่ง สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ เรื่องของความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ (Website Speed) ผมแนะนำให้เช็คความเร็วเว็บไซต์ของตัวเอง ผ่าน Extension Lighthouseครับ ซึ่งเป็นส่วนขยายที่สร้างจากทีมงาน Google โดยตรง แต่ต้องใช้งานผ่าน Chrome เท่านั้นนะ

Lighthouse จะทำการตรวจวัดความเร็วหน้าเว็บไซต์จากการเปิดบนมือถือเป็นหลักครับ เพราะปัจจุบันทาง Google ให้ความสำคัญในการเปิดเว็บผ่านการเข้าชมเว็บผ่านมือถือมากกว่า 

7. สังเกตการเขียน Title

Title เป็นสิ่งสำคัญที่จะถูกแสดงในหน้าผลการค้นหา (SERP) ผู้ใช้งานจะคลิกเข้าเว็บเรามากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการเขียน Title ด้วยเช่นกันครับ การเขียน Title ที่ดี คือ ต้องมีคำที่เป็น Keyword ชัดเจน การวางข้อความต้องดูเป็นธรรมชาติ ต้องเขียนให้หน้าสนใจ ดึงดูดให้คนอยากคลิกเข้าไปดู

การตรวจเช็คว่าเว็บไซต์คู่แข่งของเราเขียน Title ไว้ดีหรือยัง สามารถทำการตรวจเช็คผ่าน Extension ที่ชื่อว่า Mozbar ครับ

 ลักษณะของ Good Title 

• Title มี keyword ชัดเจน วางอยู่ต้นประโยค
• ความยาว Title และ Meta Description เหมาะสม 
• Title และ Meta Description เขียนไม่ซ้ำกัน
• มี keyword อยู่บน Meta Description
• ตำแหน่ง keyword ระหว่าง Title กับ Meta Description ถูกต้อง 
• มี Keyword เป็น H1 อยู่ 1 ครั้ง

8. On page SEO

Google ค่อนข้างชอบเว็บไซต์ที่มีการเขียนข้อมูลที่ยาว ลงรายละเอียด และน อ่านง่าย น่าติดตาม น่าสนใจ ครับ แต่การเขียนบทความ ให้ยาวอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ ผมแนะนำให้ต้องวางโครงสร้างข้อมูล ให้ทาง Google เข้าใจประเด็นที่เขียนด้วย หากสามารถปรับโครงสร้างเนื้อหาได้ถูกหลักการ จะทำให้ Google Bot มองเห็นภาพรวมเว็บไซต์ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสการติดอันดับหน้าแรก Google ครับ

9. Backlink

Backlink คือ ลิงค์จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ชี้กลับมาที่เว็บไซต์ของเราครับ ตัวที่บอก Google ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์เราได้รับการยอมรับ และมีการทำเป็น Reference ส่งผลให้มีโอกาสได้คะแนน SEO จาก Google มากขึ้นไปด้วย 

แต่ปัจจุบัน Google ได้ลดความสำคัญของ Backlink เพราะจำนวนของ Backlink ไม่ได้เป็นตัวบอกว่าเนื้อหาบนเว็บมีคุณภาพดีเสมอไป แต่ก็ไม่ควรมองข้ามนะครับ เพราะหากเราได้รับ Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ และมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ของเรา ก็จะเป็นการการันตีความน่าเชื่อถือให้กับเราได้นะครับ 

ซึ่งวิธีการเช็ค วิธีการเช็ค Backlink เว็บคู่แข่ง ให้ไปที่คลิก https://neilpatel.com/ubersuggest/

10. เครื่องมือเช็ค Theme & Plugin

เว็บไซต์ที่จะทำ SEO ได้ผลดี จะต้องมีคุณภาพดีก่อนนะครับ ซึ่งหากใช้ WordPress เป็นเครื่องมือในการสร้างเว็บไซต์แล้วละก็ เว็บไซต์จะดีหรือไม่ดี จะเปิดช้าหรือเปิดเร็ว การเลือกโฮส เลือกธีม และปลั๊กอิน เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ส่งผลให้เว็บไซต์มีคุณภาพดี 

ผมเอาเคล็ดลับการตรวจสอบว่าเว็บคู่แข่งของเราใช้ธีมอะไร ใช้ปลั๊กอินอะไรบ้าง เริ่มต้นที่ 

• คลิกขวาบน Chrome > คลิกตรวจสอบ (inspect)
• คลิก Sources > คลิก wp-content > คลิก plugins > คลิก themes

หากเจอว่าเว็บไซต์คู่แข่งทำมาดี เราอาจจะนำรายชื่อธีม หรือปลั๊กอินเหล่านั้น มาสร้างเป็นเว็บของเราเองในอนาคตได้นั้นเองนะครับ

การวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์ของคู่แข่ง เป็นเพียงการดูภาพรวมการทำ SEO ของแต่ละเว็บไซต์ที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เขาติดหน้าแรกมาก่อนเว็บของเรา ตรงไหนที่วิเคราะห์แล้วดีก็ให้ลองนำมาปรับใช้ ตรงจุดไหนที่เขายังทำไม่ดี ก็นำมาปรับปรุงเว็บไซต์ของตัวเองให้ดีกว่าเช่นกันนะครับ เหนือสิ่งอื่นใดมันอาจไม่ใช่การแข่งขันเพื่อเอาชนะ แต่เป็นการดึงจุดแข็งจุดอ่อนมาพัฒนาและเรียนรู้มากกว่าครับ เพราะการแข่งขันกับคู่แข่งอาจะไม่สำคัญเท่าได้แข่งขันกับตัวเองนะครับ ลองนำไปปรับใช้ดูแต่ละขั้นตอน เพียงเท่านี้ก็จะได้อันดับ SEO ที่สูง ๆ ไม่ยากเลยครับ