หน้าแรก     บทความ     SEO     SEO คืออะไร เข้าใจง่าย ไม่ต้องมีพื้นฐาน

SEO คืออะไร เข้าใจง่าย ไม่ต้องมีพื้นฐาน
SEO

SEO คืออะไร เข้าใจง่าย ไม่ต้องมีพื้นฐาน

3 ปี ที่แล้ว

หากคุณมีเว็บไซต์แต่ ไม่มีใครเข้ามาดูเว็บไซต์ของคุณเลย?? ต้องทำอย่างไร สมัยนี้ใครๆก็อยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่พอสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา ดันไม่มีคนเข้าหรือเว็ปไซต์ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพของมัน หลายๆคนจึงทำการโฆษณา บน Google Adwords บ้าง บน Facebook บ้าง หรือแม้แต่เอาเว็บไซต์ของตัวเองไปโปรโมทผ่านเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อให้มีคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น แต่เมื่อหยุดทำโฆษณายอดผู้เข้าชมเหล่านี้ก็หายไปจนหมด วันนี้ผมจะพามาทำความรู้จักกับการทำการตลาดด้วย SEO ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคนเข้ามาเรื่อยๆโดยไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว!


สารบัญน่ารู้

SEO คืออะไร?

      SEO (search engine optimize)  คือ การทำให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับต้นๆบนการค้นหาของ Google เนื่องจาก พฤติกรรมของคนได้เปลี่ยน เมื่อเกิดความสงสัยหรือต้องการทราบสิ่งต่างๆ ก็จะทำการค้นหาบน www.Google.co.th ทำให้ Google เป็นแหล่งข้อมูลและสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสิ่งที่ตอบสนองต่อผู้ที่ต้องการค้นหาในเรื่องต่างๆ

      ผมขออธิบาย เผื่อให้เข้าใจง่ายก่อนว่า Google adwords หรือ SEM นั้น เป็นการทำโฆษณาบน Google โดยที่เราจ่ายเงินเพื่อขอพื้นที่หน้าแรกบน Google  ซึ่งจะสังเกตได้ว่า Google Adwords นั้นจะมีเขียนกำกับไว้ด้วยว่า โฆษณา

  จากภาพเราจะเห็นได้ว่า SEO อันดับที่ 1 อยู่ในตำแหน่งที่ 4 ในขณะที่ มีโฆษณาจากการทำ Google adwords ก็ตามแต่ SEO ก็ยังคงถือว่าเป็นพระเอกบน Google อยู่ดีเนื่องจากคนส่วนใหญ่มักจะคลิกไปที่ SEO เป็นปริมาณมากกว่า โฆษณา Google adwords อยู่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการทำ SEO มากขึ้นนึกภาพง่ายๆว่ากำลังค้นหาอะไรซักอย่างนึงเมื่อกดค้นหาบน Google คุณจะคลิกโฆษณาหรือ SEO อันดับแรกก่อน ???

       Website เปรียบเหมือนร้านค้า ส่วน Google เปรียบเสมือนพื้นที่ทำเล เราคิดง่ายๆว่าเมื่อเรามีเว็บไซต์ของเราแล้วแต่หน้าร้านของเรานั้นเงียบเหงามาก คนที่จะมาซื้อสินค้าเราคงไม่มีเช่นเดียวกัน ดังนั้นเป็นเหตุผลว่า เราจึงต้องมองหาทำเลทองเพื่อให้ร้านค้าของเรานั้น มีผู้คนเข้ามาช็อปปิ้งซึ่งยิ่งคุณอยู่อันดับต้นๆมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งที่จะมีคนเข้าร้านค้าของคุณมากเท่านั้น โดยแต่ละตำแหน่งมีอัตราคนเข้าเยอะแค่ไหน 

อัตราการค้นหาทั้งหมดส่วนใหญ่จะอยู่ในหน้าแรก โดยที่ ยิ่งอันต้นๆก็ยิ่งมีโอกาสถูกค้นหาได้มาก

  • Position 1 – 43.2%
  • Position 2 – 30.7%
  • Position 3 – 23.3%
  • Position 4 – 19.7%
  • Position 5 – 15.1%
  • Position 6 – 14.3%
  • Position 7 – 11.4%
  • Position 8 – 10.1%
  • Position 9 – 8.9%
  • Position 10 – 8.3%

ทำไมต้องทำ SEO ???

เนื่องจาก พฤติกรรมของคนสมัยใหม่ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวนี้เมื่อมีคำถามหรือต้องการสิ่งใด อย่างแรกที่เราจะหาคำตอบ หรือค้นหาสิ่งเราเหล่านั้น เรามักจะ Search Google ด้วย keyword ต่างๆเพื่อหาคำตอบ 

ซึ่งหากเราดูถึงการเติบโตของการใช้ Google จะเห็นว่าอัตราการใช้งานมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งตอนนี้เรียกได้ว่า Google เป็น Search Engine ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง ( http://www.internetlivestats.com/google-search-statistics/)

ทุก 1 วินาทีที่คุณกำลังอ่านบทความนี้ มีคนใช้ Google Search มากกว่า 84,000 ครั้ง ทั่วโลก เห็นขนาดนี้แล้ว บอกได้เลยว่าช่องทางนี้เป็นช่องทางการตลาดที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด

สิ่งที่สำคัญอย่างแรกของการทำ SEO!!!

ก่อนเข้าถึงสิ่งแรก ผมอยากให้ทุกคนก่อนทำสิ่งใด เราควรที่จะวางแผนก่อน เพื่อให้บรรลุสิ่งที่เราต้องการได้รวดเร็วขึ้น

หากการทำ SEO เป้าหมายของเราคือการให้เข้ามาในเว็บไซต์เราจำนวนมากๆซึ่งก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อมาอีกมากมาย

ดังนั้น คำถามต่อมาคือ คนจะเข้ามาเว็บไซต์เราอย่างไรละ? คำตอบคือ ก็ค้นหาบน Google ด้วยการทำ SEO ไง 

เอ๊ะ!! แล้วถามแบบนี้ได้ประโยชน์อะไร งั้นคำถามสุดท้ายของส่วนนี้คือ คนที่จะเข้ามาเว็บไซต์เรานั้น ค้นหาด้วย keyword อะไรนั้นแหละครับประเด็น เราก็จะรู้แล้วว่า ก่อนการทำ SEO นั้นเราจะวางแผนอย่างไรเพื่อให้คำที่เราคาดว่าจะเป็น keyword ที่คนต้องการค้นซึ่งตรงนี้ ซึ่งหากนึกเองนั้นก็ค่อนข้างยาก ผมขอเสนอตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ หรือเรียกว่า 

Keyword Planner เป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณรู้ว่า keyword ไหนมีการค้นหาที่สูงเหมาะที่จะทำ SEO เป็นครับ

สรุป : SEO คือการทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นหาเจอบน Google ในอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นช่องทางการตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย  อีกทั้งการทำ SEO ยังช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ มี traffic ( จำนวนคนเข้าเข้าสู่เว็บไซต์ ) ที่เพิ่มขึ้น โดยระยะการทำ SEO นั้นจะต้องใช้เวลาในระดับนึงถึงจะเห็นผล ซึ่งคาดหวังผลลัพธ์ได้ในระยะกลางและยาว   หากต้องการผลลัพธ์ทันทีควรใช้ Google AdWords หรือ การทำ SEM จะตอบโจทย์ในระยะสั้นได้มากกว่า